หน้า  1   2   3

 

รองศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธิ์ สิงห์อาษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชนี สิงห์อาษา

  ...................................................................................

          สมมุติว่าถ้าเราต้องการหาแหล่งน้ำในป่าซึ่งอาจถูกบังสายตาด้วยต้นไม้ขนาดไม่สูงนัก จากระยะไกลคุณอาจมองไม่เห็นแหล่งน้ำนั้นเลย สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือให้พยายามมองหาแมลงปอที่กำลังบินว่อนเป็นฝูงใหญ่อยู่กลางอากาศ โดยธรราชาติแล้วแมลงปอจะมีแหล่งที่อยู่อาศัย หากิน และสืบพันธุ์เฉพาะในแหล่งน้ำเท่านั้น

นี่ถ้าต้องการจะดูว่าแหล่งน้ำนั้นสะอาดตามธรรมชาติหรือไม่ ก็ต้องมองหาว่ามีตัวชีปะขาวเกาะพักอยู่ในบริเวณใกล้แหล่งน้ำนั้นหรือไม่  ลักษณะของตัวชีปะขาวจะมีลำตัวยาว ประมาณ 0.5-1.0 เซนติเมตร มีปีกบางใส 2 คู่ ปีกคู่หน้ามีขนาดใหญ่กว่าปีกคู่หลังอย่างเห็นได้ชัด 

เส้นปีกสานกันเป็นร่างแหตลอดทั้งปีก ที่ปลายท้องมีหางเส้นยาว 2 เส้น ตาค่อนข้างโตเมื่อเทียบกับขนาดหัวของมัน เพื่อความแน่ใจต้องพยายามมองหาตัวอ่อนของชีปะขาวซึ่งเจริญเติบโตในน้ำ ลักษณะของตัวอ่อนจะคล้ายกับตัวอ่อนของลูกแมลงปอซึ่งเจริญเติบโตในน้ำเหมือนกัน  แต่มีขนาดเล็กว่ามาก มีเหงือกสำหรับหายใจที่ข้างท้องทั้งสองข้างและที่ปลายท้องมีหาง 3 เส้น  ตัวอ่อนของชีปะขาวจะเจริญเติบโตได้ดีเฉพาะในน้ำสะอาดที่มีปริมาณออกซิเจนสูงเท่านั้น ดังนั้นถ้าพบตัวชีปะขาวและหรือตัวอ่อนของมันในแหล่งน้ำแห่งหนึ่ง ก็ขอให้มั่นใจได้เลยว่าแหล่งน้ำนั้นสะอาด ไม่มีสารปนเปื้อน
          การพบแมลงหางดีดในดินเป็นจำนวนมาก ก็สามารถบอกได้ว่าดินในบริเวณนั้น มีความร่วน ชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์ดีและปราศจากสารฆ่าแมลงหรือสารพิษใดๆ บางท่านอาจยังไม่รู้จักแมลงหางดีด จึงขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้  แมลงหางดีดเป็นแมลงขนาดเล็กมาก ส่วนมากตัวยาวไม่เกิน 2-3 มิลลิเมตร แต่บางชนิดอาจยาวได้ถึง 5 มิลลิเมตร แมลงพวกนี้มีลักษณะคร่าวๆ 2 แบบ คือ แบบตัวยาว และแบบตัวป้อมสั้น แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะสำคัญคือไม่มีปีก มีหนวด 1 คู่เห็นเด่นชัด ส่วนปากอยู่ด้านใต้หัวของมัน ส่วนใหญ่แล้วจะมีอวัยวะสำหรับดีดซึ่งสามารถพับงอไว้ใต้ลำตัว ด้วยอวัยวะนี้ แมลงหางดีดสามารถดีตัวมันขึ้นสู่อากาศได้เมื่อถูกรบกวน

          บางครั้งการเรียนรู้ชนิดของแมลงวันตลอดจนชีววิทยาและนิเวศวิทยาของมันด้วยแล้ว อาจเกิดประโยชน์ทางด้านการพิสูจน์หลักฐานด้านอาชญากรรม  โดยธรรมชาติแล้วแมลงวันบางชนิดจะต้องวางไข่บนซากศพ และหนอนแมลงวันชนิดนั้นจะต้องเจริญเติบโตในซากศพโดยการกินซากและอาศัยอยู่ภายในซากศพนั้น ตัวหนอนจะต้องมีการลอกคราบกลายเป็นตัวหนอนระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4  ด้วยจำนวนวันของแต่ละระยะค่อนข้างแน่นอน ดังนั้นถ้าเกิดการฆาตกรรมแล้วนำศพไปทิ้งอำพรางคดีไว้ แล้วตอนหลังมีผู้ไปพบศพในสภาพเน่าอืดและเต็มไปด้วยหนอนแมลงวัน จากการศึกษาตัวหนอนก็สามารถบอกว่าซากศพนั้นถูกฆาตกรรมมาแล้วประมาณกี่วัน ซึ่งจะเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งในการพิสูจน์ติดตามหาผู้กระทำความผิดต่อไปได้

 

หน้า  1   2   3


   สนใจติดต่อขอสมัครสมาชิกและขอรับจุลสารได้ที่ : สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริฯ สวนจิตรลดา ถนนราชวิถี เขตดุสิต  กรุงเทพ 10303 โทร. 0-2282 1850 , 0-2282 0665